ไวต้ามอร์ เบค

วิตามินมีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย การสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ หรือมลภาวะที่เป็นพิษ อนุมูลอิสระมีส่วนสัมพันธ์ กับโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคมะเร็ง ความผิดปกติทางพันธุ์กรรม หรือภาวะแก่ก่อนวัยอันควร ฯลฯ อีกทั้งการได้รับวิตามินอย่างพอเพียงช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง

วิตามิน บีรวม(Vitamin B complex)

มีความสำคัญในกระบวนการเผาผลาญสารอาหารให้เป็นพลังงานเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาท และเอนไซม์ต่าง ๆ ในร่างกาย บำรุงสมอง คลายเครียด ช่วยให้อวัยวะรับสัมผัสทำงานดีขึ้น วิตามิน บี จะให้ผลดีเมื่อทำงานร่วมกันหลาย ๆ ชนิด ดังนั้นการทำงานของวิตามิน บี รวม จะมีประสิทธิภาพดีกว่าการใช้เดี่ยว ๆ  วิตามิน บีรวม ประกอบด้วย

•  วิตามิน บี 1 (Thiamin)

วิตามินบี 1 มีชื่อที่นิยมเรียกกันว่าเป็น วิตามินพลังงาน มีส่วนในกระบวนการเผาผลาญสารอาหารอันเป็นสิ่งจำเป็นต้องการปลดปล่อยพลังงาน มีส่วนร่วมในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต (น้ำตาล) ภายในร่างกาย โดยทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ (หรือสาร เร่งปฏิกิริยา)ไทอามิน ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ อาการทางประสาทจากการติดเหล้า อาการชักกระตุก พูดไม่ชัด ชาตามใบหน้า ช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องผูก และเบาหวาน     

•  วิตามินบี 2  (Riboflavin)

ไรโบฟลาวินมีรสชาติไม่ดี มีสีเหลือง รสแปลก ๆ ของวิตามินรวมคือ รสที่เกิดจากไรโบฟลาวิน หากขาด   ไรโบฟลาวินในเบื้องต้นจะแสดงการอักเสบของผิวหนังและทำให้เกิดแผลเป็น ทั้งที่ผิวหนังและเยื่อบุกระเพาะอาหารเพราะมันช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ในร่างกาย มีส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพ ผม ผิวหนังและเล็บ  ลดอาการอ่อนเปลี้ยและปวดกล้ามเนื้อ

•  วิตามินบี 3 (Niacin)

พบมากในยีสต์ ตับ ถั่วลิสง ปลาแซลมอนฯ จัดเป็นโคเอ็นไซม์เหมือนไทอามีน หากขาดไนอะซินจะทำให้เกิดโรคเพลลากรา  ผิวหนังบริเวณที่มีการยืดหด เช่น ศอก ขา มือ อักเสบเป็นแผ่นเกล็ด ถ้ารุนแรงผิวจะแตกเป็นร่องมีเลือดไหล รอบคอมีรอยแดงคล้ำ ท้องเดินรุนแรงจากแผลในกระเพาะอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน สุขภาพจิตเสื่อม โดยไนอะซินช่วยป้องกันและแก้ปัญหาได้  นอกจากนั้นมันยังช่วยขยายหลอดเลือดป้องกันโรคหลอดเลือดและหัวใจ เพิ่มการเผาผลาญอาหาร บำรุงประสาท

•  วิตามิน บี5 (Pantothenic Acid)

จัดเป็นโคเอ็นไซม์ร่วม (โคเอ็นไซม์ เอ) พบมากในเนื้อสัตว์ ข้าวโพด ถั่ว และในอาหารทั่วไป ช่วยสร้างสารสเตรรอยด์ ฮอร์โมนและสารสื่อประสาทหลายชนิด เร่งการสมานแผลเหมาะสำหรับผู้ป่วยระยะพักฟื้นหลังผ่าตัด บำรุงผิวพรรณ ผมและเล็บ ลดความเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ

•  วิตามิน บี6 (Pyridoxine)

ไพริดอกซิน ฟอสเฟต เป็นรูปแบบที่ออกฤทธิ์สำหรับมนุษย์ แมกนีเซี่ยมและไรโบฟลาวินมีส่วนสำคัญต่อการผลิตวิตามินชนิดนี้ในรูปสารออกฤทธิ์  โดยจำเป็นต่อปฏิกิริยาการเปลี่ยนถ่ายฟอสเฟต ดังนั้นถ้าขาดไรโบฟลาวินจะทำให้ขาดวิตามิน บี6 ด้วยไพริดอกซิน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย เสริมการทำงานของสื่อประสาท ลดอาการหอบหืด อาการก่อนมีประจำเดือน อาการบวม ลดการคลื่นเหียนอาเจียนในหญิงมีครรภ์  ช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการทางเส้นประสาท

•  วิตามิน บี12(Cyanocobalamin)

วิตามิน บี12 มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการคืนชีวิตให้แก่กรดโฟลิก ซึ่งใช้ในขบวนการสำคัญมากคือ การแบ่งเซลล์และสังเคราะห์ DNAและRNA ช่วยแปลงสารโฮโมซีสทีน(สารก่อให้เกิดโรคหัวใจ)  สลายกรดไขมัน ช่วยในการเผาผลาญไขมัน ปกป้องเส้นประสาท

มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ และการเกิดเซลล์มะเร็ง เสริมภูมิต้านทานต่อเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส ป้องกันหวัด เสริมความแข็งแรงให้ให้ผนังเส้นเลือด ป้องกันอาการเส้นเลือดขอด ลดอาการเก๊าท์ ข้ออักเสบ ผื่น และจำเป็นต่อการสร้างคลอลาเจน

เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเลิศ ป้องกันเซลล์เสื่อม และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ลดการเกิดกระแก่ และแผลเป็น(Keloid) ที่ผิวหนัง  ลดอัตราการเป็นหมันในชาย

เป็นสารคล้ายวิตามิน มีความสำคัญต่อการสร้างพลังงานของเซลล์ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อความแข็งแรงและความมีชีวิตชีวาของร่างกาย อีกทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆโดยเฉพาะเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ช่วยแก้โรคเหงือกอักเสบ บรรเทาอาการเหนื่อยล้า แก้อาการหลงลืม เพิ่มภูมิต้านทาน และชะลอความชราได้ดี

เป็นสาระสำคัญในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Ceratenoids) พบมากในผัก ผลไม้ที่มี สีส้ม เหลือง ร่างกายจะเปลี่ยนเบต้า-แคโรทีนไปเป็นวิตามิน เอ ที่ตับ มีความสามารถในการต้านปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่น ลดปริมาณอนุมูลอิสระที่ทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพ และมะเร็ง ป้องกันการเกิดต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมในผู้ป่วยเบาหวาน ทำให้การมองเห็นในตอนกลางคืนดีขึ้น กระตุ้นที-เซลล์ให้มีประสิทธิภาพในการทำลายสิ่งแปลกปลอม  ทั้งยังบำรุงผิวพรรณ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ผิวหนังที่เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร

เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการ เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ไนตริคออกไซด์ ซึ่งมีผลขยายหลอดเลือดส่งผลให้อวัยวะต่าง ๆได้รับออกซิเจนจากเลือดมากขึ้น ควบคุมระดับความดันโลหิต กำจัดของเสียจำพวกแอมโมเนียจากขบวนการเมตบอริซึ่ม กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน Glucagon Insulin และ Growth hormone ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น  เพิ่มสมรรถภาพทางเพศชาย โดยเพิ่มจำนวนเชื้ออสุจิ

เป็นสารสกัดจากน้ำนมแท้ มีสัดส่วนของแคลเซียม(Ca) : ฟอสฟอรัส(P) เท่ากับ 2:1 ซึ่งเท่ากับธรรมชาติของสัดส่วน Ca : P ในกระดูกของคนจึงทำให้การดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดที่บริเวณลำไส้ดีกว่าการทานแคลเซียมจากแหล่งอื่น และสามารถลำเลียงเข้าสู่กระดูกได้มากกว่าแคลเซียมที่ได้จากการสังเคราะห์ในปริมาณที่ทานเท่ากัน ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน  ลดอาการผิดปกติของการส่งกระแสประสาท เช่น ชาตามปลายมือ-เท้า เป็นตะคริว

นอกจากนั้นธาตุแมกนีเซียม (Mg) ยังมีความจำเป็นอย่างสูงต่อสถานะภาพของแคลเซียมในกระดูก และทำให้เส้นเลือดมีสุขภาพดี  มีธาตุสังกะสี(Zn) โพแทสเซียม(K) เหล็ก(Fe) และโปรตีน ซึ่งล้วนเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นต่อการดูดซึมของแคลเซียมและความแข็งแรงของกระดูก รวมทั้งยังเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อระบบอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ระบบเลือด หัวใจ และสมองเป็นต้น

• ป้องกันและรักษาโรคเหงือก
• ป้องกันการเกิดต้อกระจก
• ช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน
• ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
• ป้องกันโรคกระดูกพรุน

ราคาจำหน่ายปกติ 590 บาท/ขวด (รวมvatแล้ว)

การรับประทาน : รับประทานวันละ 1 แคปซูล หลังอาหารวันละหนึ่งครั้ง

ขนาดบรรจุ : ไวต้ามอร์ บรรจุ 60 แคปซูลต่อขวด  1 แคปซูล บรรจุ 550 มก.